Ethereum (ETH) ไดรับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการเงินแบบ DeFi เนื่องจากเป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกที่พัฒนาให้เครือข่ายสนับสนุน DApps
ในขณะที่ Ethereum ได้ผลักดันอุตสาหกรรม DeFi อย่างต่อเนื่องก็ได้ครองมูลค่ารวมที่ถูกล็อค (TVL) ไปมากกว่า 57% ด้วยมูลค่าตลาดรวม 3.114 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย TRON (TRX) ตามมาเป็นอันดับที่ 2 โดยครองตลาดมากกว่า 10.39% ที่ 5.59 พันล้านดอลลาร์ และท้ายที่สุดคือ BNB Smart Chain (BSC) อยู่ในอันดับที่ 3 ด้วยมูลค่าตลาดที่ 5.38 พันล้านดอลลาร์ซึ่งครองตลาดที่ 10.1% ตามข้อมูลจาก Defi Llamaเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2022
นอกจากนี้ Ethereum ยังเป็นผู้นำโปรโตคอลอีกด้วย โดยมีจำนวนโปรโตคอลบนเครือข่ายกว่า 576 โปรโตคอล ตามมาด้วย BSC ที่ 482 โปรโตคอลและ Polygon (MATIC) ที่ 319 โปรโตคอล
Ethereum เป็น ‘รากฐานของอินเทอร์เน็ต’
David Shuttleworth นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำจากบริษัทบล็อกเชน Consensys กล่าวว่าเครือข่าย Ethereum จะเป็นรากฐานของอินเทอร์เน็ตในขณะนี้ ภายหลังการอัปเกรด The Merge ครั้งล่าสุด
ตามที่ Shuttleworth กล่าว Ethereum สามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้มากขึ้น โดยอ้างอิงถึงความสามารถของเครือข่ายในการประมวลผลธุรกรรมมากกว่าแพลตฟอร์มที่จัดตั้งขึ้น เช่น Visa
“Ethereum เพียงเพราะความปลอดภัยและมูลค่าที่ถูกล็อคไว้จะเป็นตัวขับเคลื่อนผู้คนที่ใช้มันเพื่อทำธุรกิจ”
เมื่อต้นปีนี้ Mike McGlone นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์อาวุโสของ Bloomberg แนะนำว่าราคาของ ETH จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมัน “กลายเป็นหลักประกันของอินเทอร์เน็ต”
“อุปสงค์เพิ่มขึ้น อุปทานลดลง ทำให้ Ethereum กลายเป็นศูนย์กลางของการแปลงเงินเป็นดิจิทัล”
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมาอุปทาน Ethereum ได้หมุนเวียนลดลงเกือบ 4,000 ETH ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภาวะเงินฝืดบนเครือข่าย