<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ผู้เชี่ยวชาญเผย 4 กฎระเบียบ Crypto ที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปี 2023

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ปีนี้วงการ Crypto ได้ประสบกับวิกฤติต่าง ๆ มากมาย นับตั้งแต่ช่วงกลางปีจนถึงสิ้นปี ทั้งการมาของตลาดหมี การล่มสลายของ LUNA ไปจนถึงการล่มสลายของกระดานเทรดยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลกอย่าง FTX ซึ่งสร้างความวุ่นวายและความเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกคริปโต 

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนต่างสงสัยและพากันตั้งคำถามกันว่า หลังจากจบปีนี้วงการคริปโตจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงกันบ้าง รวมไปถึงเรื่องกฏระเบียบต่าง ๆ ที่จะตามมาในปีหน้า

ซึ่ง J. W. Verret รองศาสตราจารย์ที่ Antonin Scalia Law School ได้ออกเขียนสรุปความคิดเห็นของเขาที่มีต่อกฎระเบียบของ Crypto ที่คาดว่าเกิดขึ้นในปี 2023 บน Cointelegraph ว่าถายในปีหน้า วงการ Crypto อาจจะต้องพบการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบมากมายที่จะเกิดขึ้นกับวงการนี้

กฎระเบียบบางข้ออาจเปลี่ยนไป

ผู้สนับสนุน Crypto ในรัฐสภาได้สร้างความก้าวหน้าหลายอย่างในปีนี้ กฎระเบียบบางข้ออาจจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการแก้ไขกฎหมาย เช่น การละเว้นการเก็บภาษีจากการจ่ายค่ากาแฟด้วย Bitcoin, การปกป้องผู้ให้บริการ Crypto หรือกฎหมายกำกับดูแลเหรียญ Stablecoin ที่พรรคการเมืองทั้งสองพรรคได้ร่วมกันจัดทำขึ้นและอาจผ่านร่างกฎหมายในปีหน้า แต่ร่างกฎหมายใหญ่ ๆ อย่าง Lummis-Gillibrand หรือ Boozman-Stabenow อาจจะยังไม่ผ่านร่างในการประชุมสภาคองเกรสในครั้งหน้า

ร่างกฎหมาย Lummis-Gillibrand และ Boozman-Stabenow เริ่มต้นได้ดีในช่วงแรก แต่มีความเป็นไปได้สูงว่า ร่างกฎหมายทั้งสองอาจจะไม่ผ่านร่างในการประชุมสภาคองเกรสครั้งต่อไป และเมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์การจัดทำกฎระเบียบทางการเงินของสหรัฐฯ หลังจาก Dodd-Frank Act ที่ผ่านร่างกฎหมายเมื่อปี 2010 ก็ยังไม่มีร่างกฎหมายใหญ่ใดที่ผ่านร่างกฎหมายจากสภาคองเกรสอีกเลย ดังั้นผู้สนับสนุน Crypto อาจต้องพยายามทำงานต่อไป แม่ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

SEC อาจชนะคดีบางคดี

ในขณะที่ผู้คนหวังให้ Ripple ชนะคดีการฟ้องร้องกับ SEC แต่เป็นไปได้ว่าสิ่งนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นในศาลแขวงต่าง ๆ หลังจากที่ SEC ได้ริเริ่มทดลองใช้กฏ Howey test กับ Ripple เป็นเคสแรก แม้ที่ผ่านมา SEC จะไม่เคยนำกฏ Howey test มาใช้ในการกรณีนี้มาก่อน แต่ใช้เพื่อต่อสู้กับคดีที่มีการฉ้อโกงมาแล้ว

ปี 2023 อาจเป็นปีที่ผู้ใช้งาน Crypto ต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ปรากฎการณ์ความต้องการในเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน Crypto เริ่มใกล้ปะทุขึ้นมาทุกที จากการที่รัฐบาลพยายามสอดส่องนักลงทุนมากขึ้นในปีนี้

ความเป็นส่วนตัวสำหรับการถือครอง Crypto ของนักลงทุนชาวสหรัฐฯ กำลังถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง ชาว Crypto อาจสามารถหลบเลี่ยงกฎหมาย Know Your Customers (KYC) ที่พยายามประยุกต์ใช้กับกระเป๋าเงินส่วนตัวได้ แต่พวกเขาอาจต้องเผชิญหน้ากับภัยใหญ่ที่จะเข้ามาคุกคามความเป็นส่วนตัวในภายภาคหน้า ยกตัวอย่างเช่น การที่ปีนี้ กระทรวงการคลังทำการแบนแพลตฟอร์ม Tornado Cash บริการปกปิดข้อมูลการทำธุรกรรมที่สามารถใช้งานได้บน Ethereum

CoinJoin และ Samourai Wallet เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่หลายคนใช้ในการปกปิดร่องรอยประวัติการทำธุรกรรมสำหรับผู้ใช้ Crypto ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ในขณะที่เหรียญคริปโตอย่าง Zcash และ Monero ได้เสนอแนวทางอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน 

ความเป็นส่วนตัวยังคงถูกคุกคามในฐานะที่เป็นแนวคิดเฉพาะของ Crypto ผู้ใช้งาน Bitcoin, Ethereum และเชนอื่น ๆ หลายล้านคนไม่ค่อยระมัดระวังว่าการทำธุรกรรมของพวกเขามีโอกาสที่จะถูกติดตามได้

การแข่งขันกันด้านกฏระเบียบ Crypto ระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป  

แนวทางกำกับดูแลของสหภาพยุโรปที่มีต่อโทเค็นใหม่ อาจมีความเข้มงวดมากกว่าแนวทางสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นไปที่เอกสารข้อมูลของโปรเจกต์เพียงอย่างเดียว และสหภาพยุโรปยังมีแนวทางที่มีท่าทีเข้มงวดต่อกระเป๋าเงินส่วนตัวและบีบให้กระดานเทรดต่าง ๆ ต้องบังคับใช้กฏ KYC กับลูกค้าทุกราย

การแข่งขันกันด้านกฏระเบียบนี้อาจจบลง ด้วยความพ่ายแพ้ของทั้งสองฝ่าย และมีความเป็นไปได้ว่า โลกคริปโตจะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงจากการแข่งขันนี้ ภายในปีหน้า


ที่มา: Cointelegraph