บริษัท Ripple ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการชำระเงิน และสภาการชำระเงิน Faster Payments Council (FPC) ได้ออกมารายงานเกี่ยวกับโอกาสที่จะใช้คริปโตเป็นระบบชำระเงินในหัวข้อ “Transforming the Way Money Moves”
จากรายงานได้ระบุว่า 97% ของบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินที่เป็นสมาชิกของ FPC เชื่อว่าเทคโนโลยีของ Cryptocurrency และเทคโนโลยี Blockchain จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำให้ระบบการชำระเงินรวดเร็วขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า และมากกว่า 50% ของบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินเชื่อว่าร้านค้าส่วนใหญ่จะรองรับการชำระเงินด้วยคริปโตในอีก 3 ปีข้างหน้า
27% บริษัทที่ตั้งอยู่ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเชื่อว่าร้านค้าส่วนใหญ่จะรองรับการชำระเงินด้วยคริปโตภายในปี 2024
ในรายงานได้มีการระบุเพิ่มเติมว่า แม้ว่า 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะกำลังพิจารณาการใช้คริปโตในการชำระเงิน แต่มีเพียง 17% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่รองรับการชำระเงินด้วยคริปโตในขณะที่ทำการสำรวจ
จากการสำรวจ อุตสาหรกรรมการชำระเงินทั่วโลกมองเห็นถึงศักยภาพของทคโนโลยีของ Cryptocurrency และเทคโนโลยี Blockchain ในการทำให้ธุกรรมต่าง ๆ สามารถทำได้รวดเร็วมากขึ้นและมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง
รายงานหัวข้อ “Transforming the Way Money Moves” ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มการชำระเงินด้วยคริปโตทั่วโลก โดยอ้างอิงจากแบบสำรวจที่ส่งไปยังสมาชิก FPC กว่า 950 แห่ง รวมถึงนักวิเคราะห์และ CEO ใน 45 ประเทศ โดยการสำรวจมีผู้ตอบแบบสอบถาม 281 คนที่ตอบคำถาม 25 ข้อเกี่ยวกับกรณีการใช้งานและประโยชน์ของการชำระเงินด้วยเทคโนโลยี Blockchain , การเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล , และอุปสรรคในการใช้งาน
CEO ของบริษัท Ripple กล่าวถึงการขาดความชัดเจนด้านกฏระเบียบ
ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Bloomberg เมื่อวันที่ 3 มีนาคม นาย Garlinghouse บอกว่าคดีความระหว่าง SEC และบริษัท Ripple ไม่ได้เกี่ยวแค่เฉพาะบริษัท Ripple หรือเหรียญ XRP เท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรมคริปโตทั่วโลก และเขาคาดการณ์ว่าจะมีการตัดสินในปีนี้
สาเหตุหลักของการไม่ใช้เทคโนโลยีคริปโตในระบบการชำระเงินมากจากกฏระเบียบ โดยเกือบ 90% ของผู้ตอบแบบสอบถามได้พูดว่าความคลุมเครือด้านกฏระเบียบเป็นสาเหตุหหลักที่ทำให้มีอุปสรรคในการรับชำระเงินด้วยคริปโต และอีก 45% ก็ตอบว่าอีกหนึ่งสาเหตุก็คือการขาดการยอมรับของอุตสาหกรรมคริปโต
นาย Garlinghouse ยังมีความกังวลด้านกฏระเบียบเนื่องจากสหรัฐอเมริกาขาดความชัดเชนเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแล
Source: Ambcrypto