Cynthia Lummis และ Kristen Gillibrand ได้นำร่างกฎหมายคริปโตสองพรรคที่เป็นที่รู้จักในชื่อ Lummis-Gillibrand Responsible Financial Innovation Act (Lummis-Gillibrand Act หรือ LG Act) มาปัดฝุ่นและนำเสนอใหม่อีกครั้ง โดยร่างกฎหมายฉบับนี้เคยถูกเสนอไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนจะถูกนำกลับมาเสนอใหม่อีกครั้งเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมเพื่อให้คณะกรรมาธิการการเงินของวุฒิสภาได้พิจารณา
ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้รับการแก้ไขเพื่อเพิ่มความสามารถในการคุ้มครองผู้บริโภคในอุตสาหกรรมให้มากขึ้น และแบ่งหน้าที่ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
บทบาทของ CFTC ในร่างกฎหมายฉบับปรับปรุง
ขณะที่ร่างกฎหมายเสนอการขยายบทบาทของ CFTC ให้ครอบคลุมเพียงสินทรัพย์ดิจิทัลที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ร่างกฎหมายฉบับปรับปรุงนี้ ได้กำหนดให้กระดานเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์ต่าง ๆ ลงทะเบียนกับ CFTC รวมไปถึงการขยายหน้าที่ของ CFTC ให้ครอบคลุมตลาด Spot คริปโต ซึ่งไม่ได้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนี้เมื่อก่อนหน้านี้
ผลกระทบต่อ SEC
ในขณะที่ CFTC จะกลายมาเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต Gary Gensler ประธาน SEC คนปัจจุบัน กลับโต้แย้งว่า โทเค็นส่วนใหญ่ที่มีการเทรดในปัจจุบันเป็นหลักทรัพย์ โดย SEC พยายามดันตัวเองขึ้นเป็นหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโต และดำเนินการต่อกระดานเทรดที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Binance
ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังกล่าวถึง การทำงานร่วมกันระหว่าง CFTC และ SEC ด้านการคุ้มครองนักลงทุน อำนาจในการกำกับดูแลตลาด และการลงโทษบริษัทต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม SEC ดูเหมือนจะสูญเสียอิทธิพลบางอย่างต่อสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความไม่ชัดเจน ซึ่งไม่เหมาะแก่การใช้ Howey Test ในการระบุว่าเป็นหลักทรัพย์หรือไม่
Stablecoin
ภายใต้กฎหมายฉบับนี้ Stablecoin จะถูกควบคุมโดยรัฐและหน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารของรัฐ โดย Stablecoin โดยเบื้องต้นจะถูกออกโดยธนาคารหรือสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ซึ่งจะต้องจัดทำรายงาน Proof-of-Reserve ที่มีความชัดเจน ร่างกฎหมายนี้ยังกำหนดให้บริษัทที่ต้องการออก Stablecoin ด้วยการให้อำนาจแก่ Office of the Comptroller of the Currency ในการจำกัดกฎเกณฑ์ในการออก Stablecoin ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ Stablecoin สกุลใหญ่ต่าง ๆ อย่าง USDC ซึ่งถูกออกโดยบริษัท Circle ไม่ใช่ธนาคาร
การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบ FTX ขึ้นอีกครั้ง
ในการแถลงการณ์ร่วมกัน Cynthia Lummis และ Kristen Gillibrand ได้เน้นย้ำถึงส่วนขยายของร่างกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกับการล่มสลายของ FTX เกิดขึ้นอีกครั้ง ได้แก่
- การกำหนดให้มีการแยกดูแลสินทรัพย์โดยบุคคลที่สาม
- การมอบอำนาจให้แก่ CFTC ในการดูแลบริษัทย่อย บริษัทโฮลดิ้ง และความขัดแย้งจากผลประโยชน์ทับซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
- การจำกัดจำนวนคริปโตที่สามารถกู้ยืมได้และแบนการกู้ยืมซ้ำซ้อน
ร่างกฎหมายนี้ จะถูกเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อทำการพิจารณาและยังคงมีอุปสรรคที่ต้องข้ามผ่าน ความร่วมมือระหว่างสองพรรคและกรอบกฎหมายที่ชัดเจนอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้ร่างกฎหมายที่ได้รับการแก้ไขแล้วนี้ผ่านมติ ประกอบกับความพยายามในการยกอำนาจในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตไปให้ CFTC ที่ที่ถูกมองว่าควบคุมง่ายกว่า ร่างกฎหมายนี้จึงอาจเป็นรองร่างกฎหมายอื่น ๆ หรือถูกปัดตกขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีมาถึงในปี 2024
ที่มา: Jdsupra