<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

รู้จักกับ “ทฤษฏีแมลงสาบ” ไขคำตอบตลาดคริปโตอยู่รอดได้แม้เผชิญความท้าทาย 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ในโลกของการเงินและการลงทุน, มีทฤษฎีหลากหลายที่ช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงแนวโน้มและพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในตลาด หนึ่งในทฤษฎีที่น่าสนใจในโลกของสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี คือ “ทฤษฎีแมลงสาบ” (Cockroach Theory)ทฤษฎีนี้เปรียบเทียบความทนทานและความยืดหยุ่นของแมลงสาบกับสกุลเงินดิจิทัลที่มีความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัวได้รวดเร็วหลังจากเจอกับความผันผวน

ทฤษฎีนี้มีพื้นฐานมาจากความเชื่อที่ว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์เชิงลบใด ๆ ในตลาดคริปโต ไม่ว่าจะเป็นข่าวการแฮ็ก, การปรับกฎหมาย, หรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สกุลเงินดิจิทัลมักจะมีความสามารถในการฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลายคนจึงเปรียบเทียบความทนทานนี้กับแมลงสาบ ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความสามารถในการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก

การศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ สามารถช่วยให้นักลงทุนคริปโตเข้าใจถึงความสำคัญของการมีทัศนคติที่ดีในระยะยาวและการเตรียมตัวสำหรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ ทฤษฎีนี้ยังช่วยให้พวกเขาเห็นความสำคัญของการมีกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงและการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนเหล่านี้

คุณสมบัติหลักๆ ของทฤษฎีแมลงสาบ

ทฤษฎีแมลงสาบอธิบายว่า เงินดิจิทัลมีความยืดหยุ่น เนื่องจากคุณสมบัติหลัก ๆ ที่สําคัญ 4 ประการ ดังนี้

  1. ระบบกระจายศูนย์ (Decentralization)

ระบบกระจายศูนย์ หมายถึง ไม่มีจุดบกพร่องเดียวในระบบ แม้โหนดบางส่วนจะล้มเหลว แต่เครือข่ายบล็อกเชนก็ยังคงดําเนินการต่อไปได้

  1. ต้านทานการเซ็นเซอร์ (Censorship Resistance)

หมายถึง รัฐบาลไม่สามารถควบคุมหรือจํากัดการใช้เงินดิจิทัลได้ง่าย

  1. ตลาดเปิดตลอด 24 ชั่วโมง (24/7 Trading) 

หมายถึง สามารถซื้อขายเงินดิจิทัลได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน

  1. อยู่ในช่วงวิวัฒนาการ (Early in Evolution)

หมายถึง เงินดิจิทัลยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเทคโนโลยี, นวัตกรรม, โครงสร้างพื้นฐาน และจํานวนผู้ใช้งาน  จึงมีศักยภาพในการเติบโตต่อไป

คุณสมบัติของทฤษฎีแมลงสาบเหล่านี้ ช่วยให้เงินดิจิทัลสามารถปรับตัวและดํารงอยู่ต่อไปได้แม้จะประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่นเดียวกับแมลงสาบที่วิวัฒนาการตามสภาพแวดล้อม

เมื่อเผชิญกับวิกฤติ เช่น ตลาดล่ม , ฟองสบู่แตกหรือถูกโจรกรรม เงินดิจิทัลก็จะสามารถปรับตัว โดยมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา เช่น ระบบบัญชีแยกประเภทเพื่อความโปร่งใส , การพิสูจน์ตัวตนแบบ  Zero Knowledge เป็นต้น

แม้ว่าเงินดิจิทัลจะถูกหลายคนกล่าวหาว่า ไร้สาระหรือ คาดหวังจะให้ล้มเหลว แต่ทฤษฎีแมลงสาบบ่งชี้ว่า นวัตกรรมทางการเงินชนิดนี้มีความยืดหยุ่นและคงอยู่ต่อไปในระยะยาว

เพราะเงินดิจิทัลจะช่วยอํานวยความสะดวกในการโอนมูลค่าผ่านระบบออนไลน์ โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางที่เป็นสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ลักษณะเด่นนี้เองที่ดึงดูดผู้ใช้งานจากทั่วโลก แม้จะมีผลกระทบชั่วคราวบ้างก็ตาม

ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนจํานวนมากกําลังคาดหวังให้เงินดิจิทัลล้มเหลวและสูญสลายไป แต่ทฤษฎีแมลงสาบชี้ให้เห็นว่า นวัตกรรมการเงินชนิดนี้น่าจะมีอายุยืนยาวกว่าเงินตราและระบบการชําระเงินแบบดั้งเดิมอีกด้วย

เงินดิจิทัลจึงเปรียบเสมือน “แมลงสาบทางการเงิน” ที่พร้อมจะคงอยู่และวิวัฒนาการต่อไปในอนาคตอันยาวไกล