ปัจจุบันเทคโนโลยี AI นั้นมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยล่าสุด OpenAI บริษัทพัฒนา AI ชื่อดังก็เพิ่งได้มีการเป็นตัว SORA เครื่องมือ AI ที่สร้างวิดีโอได้ด้วยข้อความ ซึ่งให้ความคมชัดที่สูง ซึ่งนอกเหนือจากนั้นเทคโนโลยี Deepfake หรือเลียนแบบใบหน้าบุคคลจริงก็มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดจนเป็นปัญหาเช่นกัน โดยในอนาคตมีการคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรม AI จะมีมูลค่ามากกว่าเศรษฐกิจของจีนและอินเดียรวมกันเสียอีก
สำหรับสิ่งที่น่าเป็นกังวลในปัจจุบันของเทคโนโลยี Deepfake คือ การที่เทคโนโลยีนี้สามารถปลอมแปลง สวมรอยแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นได้อย่างแนบเนียน ตามที่สยามบล็อกเชนเคยได้รายงาน ว่ามีมิจฉาชีพเปิดให้บริการปลอมแปลงบัตรประชาชนซึ่ง อ้างว่ามีความเหมือนจริงสูงจนสามารถทะลวงระบบ KYC ได้เพียงแค่ใช้เงินไม่กี่บาท ซึ่งก็เหมือนจะถูกพิสูจน์แล้วว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง โดยแพลตฟอร์มที่ถูกทดสอบว่าโดนเจาะทะลวงได้คือเว็บเทรดชื่อดังอย่าง OKX,Kraken, Bybit, Bitget, Huobi รวมไปถึง PayPal
ในโพสต์ทวีตบนแพลตฟอร์ม X ด้านล่างแสดงให้เห็นถึง ความสามารถอันเหลือล้นของเทคโนโลยี AI โดยแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่ารูปภาพดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาจาก Stable Diffusion โมเดล AI ชื่อดัง
Toufi Saliba ซีอีโอของ HyperCycle บริษัท AI microservice กล่าวว่า ในอนาคตระบบ KYC อาจไร้ประโยชน์ เนื่องจากไม่สามารถต่อกรกับ AI ได้วิธีแก้ปัญหาคือ ต้องนำเทคโนโลยีการเข้ารหัสเข้ามาร่วมใช้งาน โดยจะเห็นได้ว่าการมาของเทคโนโลยีนี้ส่งผลกระทบให้กับระบบที่ใช้การรวมศูนย์เป็นอย่างมาก (centralized) ซึ่งคริปโตและเทคโนโลยีบล็อคเชนที่อยู่เบื้องหลังมันอาจจะกลายเป็นผู้กอบกู้ ก็เป็นได้
ที่มา : Cointelegraph