<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ส่อง 7 ประเด็น ทำไม “Hal Finney” ถึงไม่ใช่ Satoshi Nakamoto 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Hal Finney นั้นคือนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชื่อดัง ซึ่งเป็นผู้ทำธุรกรรมครั้งแรกบนบล็อคเชน Bitcoin อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ได้ประกาศต่อทุกคนบนโซเชียลมีเดียเป็นคนแรกของโลก ซึ่งในขณะนั้น Bitcoin ยังเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีมูลค่าอะไรเลย

จากเหตุการณ์นี้ทำให้ชาวเน็ตบางรายเกิดความเชื่อว่าตัวของ Finney นั่นแหละที่เป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริง เพราะนอกเหนือจากตัวของ Finney เองที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็น Satoshi ยังมีบุคคลอื่นที่พยายามปลอมแปลงตนเองเป็น Satoshi ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น Craig Wright ที่พึ่งถูกตัดสินไปว่าไม่ใช่ Satoshi

โดยเมื่อ Wright ถูกเปิดโปง ชาวเน็ตจึงกลับมาตั้งข้อสงสัยที่ตัว Finney อีกครั้งอย่างไรก็ตาม Pete Rizzo นักประวัติศาสตร์ Bitcoin ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นพร้อมอธิบายชัดเจนถึง 7 เหตุผลว่าทำไม “Hal Finney” กับ “Satoshi Nakamoto” ถึงเป็นคนละบุคคล

1. ทั้งสองอยู่กันคนละที่

Rizzo นั้นได้ทำการอ้างอิงข้อมูลงานวิจัยจาก Jameson Lopp โดยมีเนื้อหาว่าประการแรก Finney นั้นอยู่คนละประเทศกับ Satoshi โดยเห็นได้จากข้อมูลการใช้งานคอมพิวเตอร์ ซึ่งคาดว่าทั้งสองอยู่คนละซีกโลกทำให้เกิดความแตกต่างของเวลาในการใช้งานเครือข่าย ซึ่งถ้าหากทั้งสองเป็นบุคคลเดียวกันจริงจะหมายความว่า Satoshi จะไม่เคยได้นอนเลย

2. Finney ไม่ชอบ HashCash

ต่อมา Rizzo ยังได้อ้างถึงอีเมลของ Finney ที่เปิดเผยว่าตัวเขาไม่ชอบการออกแบบของ HashCash ที่นำการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ กับพลังงานไฟฟ้า มาทำให้เครือข่ายปลอดภัย ดังนั้นถ้าเขาจึงน่าจะไม่นำระบบของ HashCash เขามาใข้กับ Bitcoin ซึ่งทางฝั่งของ Satoshi นั้นสนับสนุนและนำมาปรับใช้งานกับ Bitcoin จนเป็นอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน

3. Satoshi รู้ดีอยู่แล้วว่า Bitcoin นั้นเปลืองไฟ

ต่อเนื่องจากประเด็นที่แล้ว เมื่อไม่นานมานี้ในการเปิดเผยหลักฐานเป็นอีเมลของ Satoshi ในคดีความของ Craig Wright พบว่า Satoshi รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า Bitcoin จะถูกทั่วทั้งโลกครหาเนื่องจากใช้พลังงานไฟฟ้าที่สูง ทว่าเขากลับเชื่อมั่นว่าแม้ดูเหมือนจะเปลืองแต่ก็ไม่เปลืองเท่ากับทรัพยากรที่อุตสหกรรมการเงินเผาผลาญไป 

4. ถ้าเขาสร้างมันจริง ระบบคงไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้

Finney เคยได้เปิดเผยด้วยว่าเขาอาจปรับปรุงระบบอะไรหลาย ๆ อย่างถ้าหากเขาเป็นผู้สร้าง Bitcoin จริง ๆ เช่นไอเดียของ Satoshi ที่ต้องการพื้นที่ในการสำรองข้อมูล 200 bytes เพื่อรองรับ  backwards compatibility เป็นต้น

5.Satoshi เมินคำถาม Finney

เมื่อโพสต์ปี 2010 Finney ได้เคยถาม Satoshi ว่า “ถ้าอย่างนั้นเหรียญจากบล็อกเชนอื่น ๆ ก็สามารถแข่งกับ Bitcoin ได้บนกระดานเทรดสิ แถมยังจะมีสิทธิพิเศษในการใช้งานบนเชนตนเองอีก” ซึ่ง  Rizzo จึงได้ตั้งคำถามว่าทำไมคนที่จะต้องการคุยกับตนเองถึงตั้งคำถามแบบนั้นขึ้นมา 

6. สลับตัวตนไม่ใช่เรื่องง่าย

ถัดมา Rizzo ได้ตังข้อสังเกตุว่าตัวของ Finney นั้นเป็นนักเขียนโค้ดชั้นยอดก็จริง แต่เขาไม่น่าจะมีความสามารถที่จะเขียนหรือแสร้งแสดงได้เหมือนและเนียนขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ Finney จะใช้ Satoshi เป็นหุ่นเชิดตัวแทน ขณะที่กำลังเขียนโค้ด Bitcoin รวมถึงเขียนรายงาน หรือทำงานต่าง ๆ

7. Satoshi ไม่รู้เรื่อง B-Money

สุดท้าย Rizzo กล่าวว่า Satoshi นั้นไม่รู้ถึงการมีอยู่ของโปรเจกต์คริปโตอีกตัวอย่าง B-Moneu ของ Wei Dei ขณะที่ Finney นั้นสวนทางกับ Satoshi และมีการติดต่อกับ Wei Dei อยู่เป็นประจำ

อย่างไรก็ตามไม่ว่า Finney จะเป็นผู้สร้าง Bitcoin หรือไม่ ในปัจจุบันก็ไม่มีใครควบคุม Bitcoin อีกต่อไปแล้วเนื่องจากตัวของ Satoshi ก็ได้หายจากไปตั้งแต่ปี 2011 โดยไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลยส่วน Finney ก็ได้เสียชีวิตลงไปเมื่อปี 2014 หรือ 10 กว่าปีที่แล้ว

ที่มา :  protos