เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้ร่วงลงมาแตะ 65,000 ดอลลาร์อีกครั้ง หรือลดลงมากกว่า 5% ภายในระยะเวลา 30 นาทีเท่านั้นตามข้อมูลจาก TradingView
ซึ่งหลังจากที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น มันก็ได้ส่งผลให้มีนักลงทุนคริปโตถูกชำระบัญชี (liqudation) ไปมากกว่า 165 ล้านดอลลาร์ โดยมีนักลงทุนฝั่ง Long ของ Bitcoin โดนชำระบัญชีไปมากที่สุดถึง 50 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่นักลงทุน Ethereum โดนชำระบัญชีรองลงมาที่ 40 ล้านดอลลาร์
ในขณะเดียวกัน กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin ETF ก็ได้มีเงินไหลออกสุทธิเกือบ 86 ล้านดอลลาร์ โดยที่กองทุน GBTC ของ Grayscale ได้มีเงินทุนไหลออกมากที่สุดถึง 302 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ETF ของ BlackRock ยังคงมีผลการดำเนินงานดีที่สุดด้วยเงินทุนไหลเข้ากว่า 165.9 ล้านดอลลาร์ และ Fidelity ได้ขึ้นมาเป็นอันดับสองด้วยจำนวนกว่า 44 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก FarSide
นอกจากนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้มูลค่าของ Stablecoin อย่าง Tether หลุดออกมาจากค่าที่ตรึงไว้ และร่วงลงมาประมาณ 1% ในช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะขึ้นกลับไปอีกครั้งในเวลาต่อมา ตามข้อมูลจาก CoinGecko
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าการที่ USDT หลุดออกจากค่าที่ตรึงเอาไว้เป็นข้อผิดพลาดจาก API ที่ติดตามข้อมูล หรือมูลค่าของสกุลเงินมีการสูญเสียอย่างกะทันหันหรือไม่ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรที่จะศึกษาและประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะลงทุนในคริปโตเสมอ
ที่มา: Cointelegraph