<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ร้ายไม่แผ่ว ! ‘Peter Schiff’ เย้ยคนถือคริปโต ชวนให้ขาย Bitcoin แล้วเปลี่ยนมาซื้อทองคำ

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Peter Schiff นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ผู้หลงใหลในทองคำ ได้กลับมาสร้างกระแสความฮือฮาในกลุ่มคริปโตเคอเรนซีอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ Peter Schiff  ได้ออกมาแนะนำให้นักลงทุนที่ถือ Bitcoin ขาย Bitcoin ของตน แล้วนำเงินไปซื้อทองคำและแร่เงินแทน

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Peter Schiff นักวิจารณ์ Bitcoin ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงบน X เหน็บแนมนักลงทุนคริปโตที่ถือ Bitcoin โดยเขาแนะนำให้นักลงทุนเหล่านั้นพิจารณาขาย Bitcoin ที่มีอยู่ แล้วนำเงินไปซื้อทองคำและโลหะเงินในราคาที่เหมาะสม

Peter Schiff กล่าวว่า “ถึงเหล่า Bitcoin HODLers  ทั้งหลาย นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของคุณแล้ว ที่จะขาย Bitcoin ที่ถืออยู่ แล้วไปซื้อทองคำ และแร่เงิน ถ้าคุณไม่ลงมือตอนนี้ ก็เตรียมเผชิญอยู่กับความยากจนต่อไป”

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคา Bitcoin มีการลดลงเล็กน้อย 0.59% ซื้อขายอยู่ที่ 65,600.20 ดอลลาร์ ในขณะที่ราคา Gold spot ของทองคำลดลง 0.20% ซื้อขายกันอยู่ที่ 2,295.47 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูประสิทธิภาพ นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ราคา Bitcoin ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 48.51% จากราคา 44,160.23 ดอลลาร์

ในทางตรงกันข้าม ราคาทองคำกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 11.30% จากช่วงต้นปี การเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความผันผวนแบบ dynamic ของ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลตลอดทั้งปี ตรงกันข้ามกับประสิทธิภาพที่ค่อนข้างคงที่ของทองคำที่มีความโดดเด่นน้อยกว่า Bitcoin อ้างอิงตามข้อมูลจาก Benzinga Pro

การแสดงความคิดเห็นล่าสุดของ Peter Schiff สอดคล้องกับความไม่เชื่อมั่นต่อ Bitcoin ที่มีมาอย่างยาวนานของเขา แม้ว่าราคา Bitcoin จะพุ่งทำลายสถิติเดิม แต่ Peter Schiff  ก็ยังคงสนับสนุนทองคำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเขามองว่าทองคำเป็น การลงทุนที่มั่นคงและน่าเชื่อถือมากกว่า Bitcoin

หลังจากราคา Bitcoin ร่วงลง 6% Peter Schiff ได้ออกมากล่าววิจารณ์ Bitcoin โดยเรียก Bitcoin ว่าเป็น “สินทรัพย์ปลอม” (fake asset) ซึ่งเขามักจะเปรียบเทียบความผันผวนของ Bitcoin กับความมั่นคงของทองคำมาโดยตลอด อีกทั้ง  Peter Schiff ยังปฏิเสธแนวคิด ที่มองว่า Bitcoin เป็น “ทองคำดิจิทัล” (digital gold) นอกจากนี้ เขายังเตือนถึงความเสี่ยงที่จะเกิด วิกฤติทางการเงิน ที่อาจเกี่ยวข้องกับคริปโตเคอเรนซีอีกด้วย

ที่มา : Benzinga Crypto