<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

4 เหตุผลที่นักลงทุนมองว่า Bitcoin ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น ถึงแม้ราคาจะปรับฐานอย่างหนัก!

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดคริปโตฯ ได้ร่วงลงอย่างหนัก ส่งผลให้ความรู้สึกของนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก 

ราคา Bitcoin (BTC) ได้ร่วงลงต่ำกว่า $62,000 ในวันอังคาร ซึ่งลดลงมากกว่า 15% จากจุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ ​$73,000  ในขณะเดียวกันเหรียญมีมสุดฮอตบน Solana อย่าง  Pepe (PEPE) และ Dogwifhat (WIF) ก็มีมูลค่าที่ลดลงอย่างหนักถึง 40%-50% จากจุดสูงสุดตลอดกาล

อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีการขาดทุนทั่วทั้งตลาด แต่ก็ยังมีเหตุผลอีกหลายประการที่นักลงทุนมองว่า ปัจจุบันสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงอยู่ในขาขึ้น 

1.เหตุการณ์ Bitcoin halving และ ผลกระทบของมัน

Bitcoin กำลังจะเข้าสู่การ “Haiving” ครั้งที่ 4  ในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุก ๆ สี่ปี  โดยในช่วงเวลานี้ ปริมาณการสร้างบิตคอยน์ใหม่ ซึ่งเป็นรางวัลให้กับนักขุดจะถูกปรับลดลงครึ่งหนึ่ง

ตามข้อมูลในอดีต ราคาของบิตคอยน์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงเวลาใกล้เคียงกับการ Haiving  แต่เหตุการณ์นี้มักจะนำไปสู่การพุ่งสูงของราคาอย่างรวดเร็วในภายหลัง

ถึงแม้ราคา Bitcoin จะร่วงแรง แต่การที่กองทุนยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock และ Fidelity เริ่มนำเสนอ Bitcoin ETF แก่เหล่าที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการสินทรัพย์ เพื่อนำเสนอให้กับนักลงทุนจำนวนมาก ก็อาจเป็นแรงหนุนสำคัญที่จะช่วยพยุงราคา Bitcoin ไว้ได้ในอนาคต

ถึงแม้ช่วงนี้ราคา Bitcoin จะผันผวน แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นตัว เนื่องจากนี่เป็นการ Halving ครั้งแรกที่เกิดขึ้นต่อหน้ากลุ่มผู้คนจำนวนมหาศาล หลังจากที่มีการเปิดตัวกองทุน Bitcoin ETF

เหตุการณ์ Halving อาจทำให้เหล่านักลงทุนตื่นตัวกับ Bitcoin มากขึ้น เพราะพวกเขาจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งอาจส่งผลให้พวกเขาต้องการถือครอง Bitcoin ในปริมาณที่มากขึ้นในอนาคต

2.ความผันผวนของเศรษฐกิจระดับมหภาค (Macro)

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจะชะลอตัวลง แต่ปัจจัยเร่งสำคัญที่จุดชนวนให้เกิดการปรับฐานลงอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลับมีสาเหตุมาจากเหตุการณ์ในภาพรวมขนาดใหญ่ของเศรษฐกิจ

อันเป็นผลมาจากความตื่นตระหนกจากความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความรุนแรงทางทหารระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 

เนื่องจากนักลงทุนเริ่มประเมินความคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยใหม่ หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แข็งแกร่งขึ้นและความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

Noelle Acheson นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ กล่าวว่า “อาจมีข่าวดีทางเศรษฐกิจมาโครในระยะสั้นที่อาจช่วยบรรเทาการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ถึงแม้ว่ามันจะไม่น่าจะเป็นไปได้มากนักก็ตาม”

3.การล้าง  Leverage 

อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าการปรับฐานราคา Bitcoin ใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้วก็คือ การล้าง  Leverage ในตลาดฟิวเจอรส์ ซึ่งเป็นตัวชะลอความร้อนแรงของนักลงทุนที่ใช้เงินทุนเกินตัวลงและลบล้างความคึกคะนองของนักลงทุนในตลาดแห่งนี้

ตลาดคริปโตเพิ่งได้เผชิญกับ การล้างพอร์ต leverage ครึ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์  โดยมีการล้าง Long Position มูลค่ารวมกันมากถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา

กราฟแสดงมูลค่าการล้างพอร์ตต่อวัน ที่มาภาพ:CoinGlass

เหตุการณ์นี้ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ในเดือนสิงหาคมปี 2023  เมื่อราคาบิตคอยน์ ร่วงดิ่งจาก $28,000 ไปแตะระดับใกล้เคียง $24,000 โดยมีการล้างพอร์ตสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่าเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้น ราคาได้เคลื่อนไหวในกรอบแคบเป็นเวลานานเกือบสองเดือน จนกระทั่งราคาได้เบรคทะลุ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนตุลาคม และเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ในเดือนต่อ ๆ มา

4.เรื่องปกติของช่วงปรับฐานของตลาดขาขึ้น ในโลกคริปโตฯ 

หลังจากราคาบิตคอยน์ร่วงลดลง 16% จากจุดสูงสุดตลอดกาลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา การปรับตัวลดลงในครั้งนี้ยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติเมื่อเทียบกับตลาดขาขึ้นในช่วงก่อนๆ 

ในตลาดขาขึ้นช่วงปี 2016-2017 และ 2020-2021 ล้วนมีการปรับฐานราคาลดลง 20-30% อยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะกลับมาพุ่งสูงขึ้น 

นักวิเคราะห์ด้านคริปโต On-Chain College กล่าวในโพสต์ X ว่า “น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่า การปรับฐานเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของตลาดขาขึ้นของวงการคริปโต”

แม้มีความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ แต่กองทุน QCP Capital ได้ออกมายืนยันเมื่อวันอังคารว่า พวกเขายังคงเห็นความต้องการซื้อขาย option (ฝั่ง call option) ของสกุลเงินดิจิทัล Bitcoin และ Ethereum อย่างต่อเนื่อง และมีสัญญา option จำนวนมากที่วันหมดอายุยืดยาวออกไปถึงเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนในตลาดยังคงคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต 

ที่มา:coindesk