<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

3 สาเหตุทำไมเดือนนี้ถึงเป็นเดือนที่แย่ที่สุดของ Bitcoin นับตั้งแต่ตลาดหมีปี 2022

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเผชิญกับเดือนที่โหดร้าย โดยเฉพาะ Bitcoin ที่ร่วงลงถึง 12% ในเดือนเมษายน ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบปี แม้ว่าราคา Bitcoin จะอยู่ห่างจากจุดสูงสุดเพียง $12,000 เท่านั้น แต่ความหวังที่ราคาจะกลับมาฟื้นตัวในเร็วๆ นี้กลับดูริบหรี่

การเคลื่อนไหวของราคาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ในเดือนนี้ ทำให้นักลงทุน Bitcoin ได้แบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่เชื่อว่าราคาที่ร่วงลงเป็นเพียงการพักฐานชั่วคราว และฝ่ายที่มองว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลง

ฝ่ายที่มองบวก คาดหวังว่าตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อมีการเปิดซื้อขาย Bitcoin ETFs ในฮ่องกง แม้ว่าราคาจะพอมีการดีดตัวขึ้นบ้างในเช้าวันนี้ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยกับการร่วงลงอย่างหนักตลอดทั้งเดือน

 โดยในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมาหาสาเหตุว่าทำไมเดือนเมษายนนี้ถึงเป็นเดือนที่แย่ที่สุดของ Bitcoin ในรอบปี

ผลดำเนินงานของ Bitcoin ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่พฤศจิกายน 2022

จากข้อมูลของ CoinGlass ยืนยันว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่ Bitcoin ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022 ซึ่งเป็นช่วงจุดต่ำสุดของขาลงรอบที่แล้ว โดยเราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันคู่เทรด BTC/USD ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยทำสุดต่ำสุดลงไปที่ $61,943 บนเว็บเทรด Bitstamp และถึงแม้ราคา Bitcoin จะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาเหนือ $65,000 ในช่วงสั้น ๆ แต่ราคาก็ไม่สามารถทนต่อแรงขายที่เกิดขึ้นได้เมื่อตลาด Wall Street เปิดให้ทำการ 

ภาพ : ผลกำไรรายเดือนของคู่เทรด BTC/USD 

Skew นักเทรดและอินฟลูคริปโตรายหนึ่งคาดการณ์ว่า ราคา Bitcoin อาจจะพักตัวอยู่ที่ระหว่าง $67,000 – $58,000 ไปอีกสักพักจนกว่าจะได้รับแรงหนุนที่เพียงพอที่จะสามารถผลักดันราคาต่อไป โดยเขายังได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่าไม่ว่าเดือนนี้ Bitcoin จะปิดราคาที่เท่าไร ราคาดังกล่าวนั้นจะกลายเป็นระดับแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญสำหรับ Bitcoin

ค่าเงินเยนร่วงหนัก และการเลื่อนกำหนดการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 

ภาพ : สกุลเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างมาก

อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ส่งผลให้ Bitcoin ทำผลงานได้ไม่ดีนักเป็นผลมาจากรายงานผลกระประชุมล่าสุดของ Fed ที่ได้แสดงความกังวลต่อสินทรัพย์เสี่ยงและได้มีการคาดการณ์ว่าจะเลื่อนการลดอัตราดอกเบี้ยออกไปอีกอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งนอกจากคริปโตแล้วภาวะเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานก็มีส่วนที่ทำให้หน่วยงานดังกล่าวสรุปผลการประชุมออกมาในรูปแบบนี้ และมากไปกว่านั้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ยังมีการรายงานว่า ค่าเงินเยนของประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ทำสถิติต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1990 เมื่อนำมาเทียบกับเงินดอลลาร์ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวได้ส่งผลลุกลามมายัง Bitcoin ด้วยเช่นกัน

ภาพ : ตารางการทำนายผลการประชุมของ Fed

แนวรับสำคัญของ Bitcoin กำลังถูกทดสอบ

โชคยังดีที่เมื่อเช้านี้ราคาของ Bitcoin ได้มีการปรับตัวขึ้นมาบ้างเพราะหากไม่ได้มีข่าวดีของการซื้อขาย ETFs ในฮ่องกงมาช่วย Bitcoin อาจจะต้องเผชิญกับแนวรับที่ $60,000 และ $58,000 ซึ่งถ้าหากทะลุก็จะส่งผลทำให้ Bitcoin เข้าสู่โหมดขาลงทันที

อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของ Bitcoin เราได้เห็นว่ามีนักลงทุนรายย่อยต่างกลับเข้ามาในวงการอีกครั้งหนึ่ง อ้างอิงข้อมูลจาก Glassnode ที่ได้เห็นความเคลื่อนไหวของ wallet ที่มีมูลค่าไม่สูงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งนี่อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่านักลงทุนอาจกลับมามีความเชื่อมั่นต่อ Bitcoin อีกครั้งหนึ่งเพื่อเตรียมเฉลิมฉลองตลาดขาขึ้นที่กำลังจะมาถึงก็เป็นได้

ภาพ : Bitcoin STH realized price chart
ภาพ : จำนวนนักลงทุนรายย่อยที่เพิ่มมากขึ้น

ที่มา : Cointelegraph