<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

ทำความรู้จัก Richard Dennis “เจ้าชายแห่งหลุม” ผู้เปลี่ยนเงิน 6 หมื่นเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท ภายใน 6 ปี

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

Richard J. Dennis นักเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์ หรือเป็นที่รู้จักในนาม “เจ้าชายแห่งหลุม”  เกิดที่ชิคาโก ในเดือนมกราคม ปี 1949 ช่วงต้นยุค 1970 Richard J. Dennis ได้ยืมเงินมาลงทุนมูลค่า 1,600 ดอลลาร์ และสามารถทำกำไรไปได้ถึง 350 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลา 6 ปี แต่เมื่อกองทุนซื้อขายล่วงหน้า (futures trading) ของเขาประสบปัญหาขาดทุนย่อยยับในช่วงวิกฤตตลาดหุ้นที่เกิดในปี 1987 เขาจึงเลือกเกษียณตัวออกจากวงการเทรดไปนานหลายปี ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจ กลับมาเทรดอีกครั้งในภายหลัง

Richard Dennis กลับมาในวงการการเทรดด้วยการสร้างโครงการที่เรียกว่า “Turtles” ซึ่งเป็นโครงการฝึกอบรมสำหรับนักเทรดรุ่นใหม่ โครงการนี้ได้สร้างความสนใจอย่างมากในวงการการเงิน เนื่องจาก Dennis พยายามจะพิสูจน์ว่าการเป็นนักเทรดที่ดีสามารถเรียนรู้ได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์เฉพาะตัว โครงการนี้ได้พิสูจน์ความสำเร็จของเขาในการฝึกฝนนักเทรดให้ทำกำไรได้จากตลาด และเสริมสร้างชื่อเสียงของเขาในฐานะนักลงทุนที่มีวิสัยทัศน์

อย่างไรก็ตาม Dennis ไม่ได้กลับมาทำการเทรดอย่างต่อเนื่อง แต่เขามุ่งเน้นไปที่การฝึกอบรมและการสร้างกลยุทธ์การเทรด บทบาทของเขาในวงการการเทรดในช่วงหลังปี 1987 นั้น เน้นไปที่การเป็นผู้นำทางความคิดและนวัตกรรม มากกว่าการทำการเทรดด้วยตัวเอง

จากเด็กส่งซิก (Signal) สู่เศรษฐีแห่งวงการตลาดหุ้น

เส้นทางชีวิตของ Richard J. Dennis เริ่มต้นอย่างน่าทึ่ง เขาก้าวเข้าสู่โลกของการเงินตั้งแต่เมื่ออายุครบ 17 ปี โดย Dennis ได้ฝึกงานเป็นคนวิ่งส่งคำสั่งซื้อขาย (order runner) ที่ Chicago Mercantile Exchange เขาใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้กลไกการทำงานของตลาด สัญญาณต่าง ๆ และพฤติกรรมของนักเทรด ซึ่งหลังจากทำงาน order runner ได้สักระยะ Dennis มุ่งมั่นสู่การเป็นนักเทรดเต็มตัวและเริ่มต้นการเทรดที่ MidAmerica Commodity Exchange ซึ่งเป็นตลาดสำหรับ “สัญญาขนาดเล็ก หรือ mini contracts” เพื่อหลีกเลี่ยงกฎที่กำหนดให้นักเทรดต้องมีอายุอย่างน้อย 21 ปี ดังนั้นเขาจึงต้องยอมรับทำหน้าที่เป็นเด็กส่งซิก หรือการส่งสัญญาณการซื้อขายไปยังผู้รับคำสั่งด้วยตัวเอง และจ้างพ่อของเขาให้ดำเนินการเทรดแทน

 Richard J. Dennis  สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาปรัชญาจาก มหาวิทยาลัย DePaul จากนั้นจึงได้รับทุนการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา สาขาปรัชญาที่ Tulane University แต่เขาเปลี่ยนใจและกลับมาเทรดอีกครั้ง 

Richard J. Dennis ได้ยืมเงิน 1,600 ดอลลาร์จากครอบครัวของเขา ซึ่งหลังจากจ่ายเงิน 1,200 ดอลลาร์ในการซื้อขายบน MidAmerica Commodity Exchange ทำให้เขาเหลือเงินทุนในการซื้อขาย 400 ดอลลาร์ ในปี 1970 

เขาอธิบายว่า เขาเริ่มต้นด้วยเงินทุนเบื้องต้นเพียง 400 ดอลลาร์ ที่เหลือหลังจากยืมเงินจากครอบครัวและเข้าเทรด ทักษะการเทรดของเขาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ภายในปี 1970 เงินทุนของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 ดอลลาร์ 

และในปี 1973 เงินของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ และในปี 1974 เขาทำกำไรได้ถึง 500,000 ดอลลาร์ จากการเทรดถั่วเหลือง ทำให้เขากลายเป็นเศรษฐี ได้ในวัยเพียงอายุเพียง 26 ปี

หลังจากที่ได้ทำกำไรอย่างมหาศาลจากการเทรดถั่วเหลืองในปี 1974 และกลายเป็นเศรษฐีในวัยเพียง 26 ปี Dennis ได้เดินทางต่อในเส้นทางการเทรดด้วยการนำความรู้และทักษะของเขาไปใช้ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดอนุพันธ์ที่มีความซับซ้อนและเสี่ยงมากขึ้น

ในช่วงปีต่อ ๆ มา, Dennis ได้พัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดของเขาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการจัดการความเสี่ยง เขาได้พยายามที่จะตีความและประเมินผลจากการเคลื่อนไหวของตลาดในแบบฉบับของเขาเอง ซึ่งทำให้เขาสามารถทำกำไรได้ในหลากหลายสภาพตลาด

ระหว่างปี 1980 ถึง 1983, Dennis ได้ทำการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และสกุลเงินอย่างแข็งขัน และกำไรของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก การเทรดของเขาไม่เพียงแต่จำกัดอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดในต่างประเทศด้วย ในช่วงเวลานี้เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในนักเทรดที่มีความสามารถที่สุดในโลก

ในปี 1983, Dennis และ William Eckhardt ซึ่งเป็นนักเทรดและนักวิเคราะห์ตลาดที่เคารพนับถือกัน ได้ตั้งโครงการ “Turtles” ขึ้น โปรเจกต์นี้มีเป้าหมายในการฝึกนักเทรดมือใหม่ให้สามารถทำกำไรได้ในตลาดโดยใช้กลยุทธ์ที่ Dennis และ Eckhardt พัฒนาขึ้น โปรเจกต์นี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าด้วยการฝึกอบรมที่เหมาะสมและระบบการเทรดที่มีกฎเข้มงวด แต่ใครก็สามารถใช้กลยุทธ์นี้เพื่อทำกำไรในตลาดหุ้นได้

อธิบายกลยุทธ์การซื้อขายเต่า (The Turtle Trading)  ของ Richard Dennis 

Richard Dennis เป็นนักเทรดระดับตำนาน ผู้มีชื่อเสียงจากแนวทางการเทรดตามเทรนด์ และการทดลองกลยุทธ์เทรดที่ประสบความสำเร็จร่วมกับกลุ่มนักเทรดมือใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ “Turtle” ในบทความนี้ทางสยามบล็อคเชน จะเจาะลึกเกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดของ Richard Dennis พร้อมอธิบายวิธีการทำงาน รวมถึงกฎพื้นฐานของกลยุทธ์นี้

กฎและกลยุทธ์การซื้อขายเต่า (The Turtle Trading)  

ระบบการการซื้อขายเต่า นั้นเป็นระบบการติดตามแนวโน้ม ที่มุ่งเน้นขนาด Postion กฎการเข้า-ออก และการบริหารความเสี่ยง ระบบนี้อยู่บนพื้นฐานของชุดกฎและหลักการเฉพาะที่ออกแบบมา เพื่อระบุและติดตามแนวโน้มระยะยาวของตลาด

หลักการการซื้อขายของ Richard Dennis  ข้อ 1: การติดตามแนวโน้มราคา

ระบบการซื้อขายเต่า  ออกแบบมาเพื่อระบุและทำตามแนวโน้มระยะยาวของตลาด ระบบนี้ใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิคหลายตัวร่วมกันเพื่อระบุแนวโน้มและกำหนดจุดเข้าและออก นักเทรด Turtle ใช้ตัวชี้วัดด้านเทคนิคที่หลากหลาย รวมถึงค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อมองภาพรวมของแนวโน้มและตัดสินใจว่า เมื่อใดควรเข้าหรือออกจากการเทรด

ตัวอย่างการติดตามแนวโน้มโดยใช้กราฟ ลองพิจารณากราฟแท่งเทียนรายสัปดาห์ของราคาน้ำมันดิบด้านล่าง :

ในตัวอย่างข้างต้น เป็นกลยุทธ์ง่าย ๆ ตามแนวโน้มคือ ซื้อเมื่อปิดกราฟรายสัปดาห์เหนือเส้น MA 50 วัน (ซึ่งคุณจะเห็นทางด้านซ้ายสุด)

จากนั้นผู้ติดตาม trend จะถือรอจนกว่าแท่งรายสัปดาห์จะปิดต่ำกว่า เส้น MA 50 วัน (ตามลูกศรกลาง) 

มีหลากหลายวิธีในการสร้างระบบเทรดแบบติดตามแนวโน้ม (trend-following system) ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกใช้กราฟรายเดือนหรือกราฟรายวันก็ได้

นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้เส้น MA ระยะสั้นสำหรับการเทรดที่มีความถี่สูง (higher-frequency trading) ได้ ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ การค้นหาวิธีการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ บุคลิกภาพ/ไลฟ์สไตล์ และเป้าหมายการลงทุน/การเทรดของคุณ

ผมชอบการใช้กราฟระยะยาว (long-term) เหมาะกับการเทรดแบบติดตามแนวโน้ม (trend following) เพราะ ช่วยให้คุณสามารถจับภาพเคลื่อนไหวใหญ่ ๆ โดยปราศจากสิ่งถูกรบกวน เนื่องจากกราฟระยะยาวช่วยกรองเสียงรบกวนรายวันหรือรายสัปดาห์ที่อาจทำให้เกิดสัญญาณหลอก (false signals) และทำให้ถูก stop-loss ออกจากตลาดเร็วเกินไป

ตัวอย่างเช่น ตรวจสอบกราฟรายเดือนของ Eli Lilly (LLY) สมมติว่าเราใช้ระบบติดตามแนวโน้ม (trend following)  ซึ่งซื้อเมื่อปิดกราฟรายเดือนเหนือเส้น MA 50 วัน และคงไว้จนกระทั่งปิดกราฟรายเดือนต่ำกว่าเส้น MA 50D 

“ดูนี้ซิ กลยุทธ์การติดตามแนวโน้ม  (trend following) รายเดือน ทำให้คุณซื้อหุ้นนี้ตั้งแต่ปลายปี 2011 ถึง ต้นปี 2012 และที่สำคัญที่สุดคือ คุณยังคงถือหุ้นนี้อยู่จนถึงวันนี้! 

นี่คือพลังของกลยุทธ์การติดตามแนวโน้ม!

หลักการการซื้อขายของ Richard Dennis ข้อที่ 2: การกำหนดขนาด Position

“กลยุทธ์การซื้อขายเต่าจะใช้เทคนิคการกำหนดขนาด Position ที่เรียกว่า ‘กฎความเสี่ยง 1%’ ซึ่งระบุว่า นักเทรดไม่ควรเสี่ยงเกิน 1% ของเงินทุนที่มีอยู่ในการเทรดแต่ละครั้ง กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากนักเทรดมีเงินทุน 100,000 ดอลลาร์ พวกเขาจะเสี่ยงได้ไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์ต่อการเทรดหนึ่งครั้ง”

กฎความเสี่ยง 1% ออกแบบมาเพื่อช่วยนักเทรดควบคุมความเสี่ยงและจำกัดความสูญเสีย โดยการจำกัดจำนวนเงินทุนที่ใช้ในการเทรดแต่ละครั้ง ซึ่งช่วยให้นักเทรดปกป้องบัญชีเทรดของตนเองและหลีกเลี่ยงความสูญเสียครั้งใหญ่ได้

ตัวอย่างเช่น ด้วยกฎความเสี่ยง 1% นักเทรดจะต้องขาดทุนติดต่อกัน 100 ครั้งถึงจะเสียเงินทุนทั้งหมด นั่นทำให้โปรแกรมการเทรดที่แย่ที่สุดก็ยังไม่เลวร้ายมาก เพราะนักเทรดยังคงมีเงินทุนเหลือเสี่ยงต่อ ช่วยให้พวกเขามีโอกาสลุ้นกำไรครั้งใหม่ในตลาดได้อีกครั้ง

การกำหนดขนาดตำแหน่งเป็นแนวคิดที่สำคัญมากในวงการเทรดและการลงทุน แม้จะมีระบบเทรดที่ยอดเยี่ยมพร้อมการบริหารความเสี่ยงที่ดี หากขนาด Position ไม่เหมาะสม ก็อาจนำไปสู่ความสูญเสียได้

ที่ Macro Ops เราหมกมุ่นอยู่กับการกำหนดขนาด Position  เนื่องจากเป็นรากฐานของทุกกลยุทธ์การเทรดที่เราใช้ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลงานของเรามีประสิทธิภาพเหนือกว่าตลาด ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

หลักการซื้อขายของ Richard Dennis ข้อที่ 3: กฎการเข้าและออก

การซื้อขายเต่า  ใช้ชุดกฎการเข้าซื้อและขายที่เฉพาะเจาะจง เพื่อกำหนดจังหวะเข้าและออกจากการเทรด ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อจับภาพแนวโน้มระยะยาว และลดความสูญเสียให้น้อยที่สุดในช่วงที่ตลาดผันผวน

การซื้อขายเต่า  ใช้กฎเข้า-ออกที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ตลาดและสินทรัพย์ที่เทรด โดยทั่วไปพวกเขาจะเข้าซื้อเมื่อราคาเบรคทะลุกรอบแนวโน้ม (breakout) และใช้ trailing stop-loss เพื่อล็อคผลกำไรและจำกัดความเสี่ยงจากการขาดทุน

เราได้พูดถึงกฎการเข้าซื้อข้างต้นแล้ว (การเข้าซื้อเมื่อราคาปิดเหนือเส้น MA ฯลฯ) ต่อไป เรามาเจาะลึกเรื่องกฎการออก (exit rules) 

กฎการออกทั่วไปรวมถึงการขายเมื่อการซื้อขายตกลงไปต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแถบ “สัญญาณ” แถบ “สัญญาณ” คือแท่งที่มีราคาปิดเหนือค่าเฉลี่ยเส้น MA ในตัวอย่างด้านบนของเรานั่นเอง”

กฎการออกอีกข้อคือ วาง stop-loss ไว้ด้านล่างของ “pivot point” บนกราฟ

ซึ่ง pivot point คือ จุดราคาที่ถ้าหุ้นตกลงต่ำกว่า แสดงถึงการสูญเสียการสนับสนุนราคาจากตลาด การสูญเสียแรงสนับสนุน ซึ่งเพิ่มโอกาสที่ราคาหุ้นจะร่วงลงมากขึ้นต่อไปอีก

ตัวอย่าง LLY จากด้านบน ผมได้ทำเครื่องหมายจุดออกสองจุดเป็นสีแดงในกราฟตัวอย่าง

สิ่งที่ควรทราบ จุดออก #1: ข้อดี: อนุญาตให้ใช้ขนาดตำแหน่งที่ใหญ่ เพราะ stop-loss อยู่ใกล้จุดเข้าซื้อมาก ข้อเสีย: โอกาสถูก stop-loss ออกจากการเทรดมากตามไปด้วย และมีการขาดทุนสูง

จุดออก #2: ข้อดี: อยู่ห่างจากจุดเข้าซื้อมาก ทำให้ขนาดตำแหน่งเล็กกว่า ข้อเสีย: โอกาสถูก stop-loss ออกจากการเทรด เนื่องจากสัญญาณรบกวนน้อยกว่า

หลักการซื้อขาย Richard Dennis ข้อที่ 4: การบริหารความเสี่ยง

การซื้อขายเต่า เน้นการบริหารความเสี่ยง ควบคุมความสูญเสีย และรักษาเงินทุน ระบบนี้ใช้ stop-loss orders เพื่อจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการเทรด นั่นหมายความว่า หากราคาเคลื่อนไหวสวนทางกับนักเทรด ระบบจะทำการปิด position โดยอัตโนมัติเมื่อราคาไปถึงจุดที่กำหนดไว้ ช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ 

สรุป

กลยุทธ์การเทรดของ Richard Dennis เป็นระบบติดตามแนวโน้ม ซึ่งออกแบบมาเพื่อจับภาพการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ของตลาดพร้อมกับลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด

ระบบเน้นการบริหารความเสี่ยง การกำหนดขนาดตำแหน่ง และกฎเข้า-ออกที่เฉพาะเจาะจง เพื่อระบุและติดตามแนวโน้มระยะยาวในตลาด แม้ว่าระบบนี้มีข้อดีหลายอย่าง เช่น โอกาสผลตอบแทนสูงและเน้นการบริหารความเสี่ยง แต่ก็มีข้อเสียบางอย่าง เช่น ต้องมีวินัย อดทน และอาจพลาดโอกาสเทรดระยะสั้น”

โดยรวม ระบบการซื้อขายเต่า เป็นกลยุทธ์ทรงพลังสำหรับนักเทรดที่สามารถปฏิบัติตามกฎและหลักการของระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Richard Dennis และ William Eckhardt พัฒนาระบบการซื้อขายเต่า ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1980s โดยสอนแนวทางเชิงระบบให้กับนักเทรดมือใหม่ สู่หนทางแห่งความสำเร็จในตลาด

คุณพร้อมที่จะยกระดับการเทรดและก้าวสู่เส้นทางเดียวกับ Richard Dennis และเหล่า นักเทรด Turtles ผู้โด่งดังแล้วหรือยัง?

ที่มา : macro ops