<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

5 มหาเศรษฐีที่ประกาศจุดยืนเป็นศัตรูกับ Bitcoin ก่อนกลับลำเปลี่ยนใจในภายหลัง

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

คริปโตเคอร์เรนซี่เบอร์หนึ่งอย่าง Bitcoin นั้นเติบโตขึ้นรวดเร็วอย่างก้าวกระโดด นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 จากราคาเริ่มต้นที่ 0.008 ดอลลาร์ต่อเหรียญ พุ่งขึ้นเป็น 37,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ และมีผู้คนมากมายจากทั่วโลกให้การยอมรับ

การเติบโตและความนิยมในคริปโตเคอร์เรนซี่ที่เพิ่มสูงขึ้น ยังส่งผลให้มีมหาเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นรายหลายไม่ว่าจะเป็นนาย Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้งบริษัท FTX วัย 29 ปี และคู่แฝด Winklevoss ผู้ก่อตั้งเว็บเทรด Gemini ในปี 2017 รวมไปถึงมหาเศรษฐีสูงวัยอีกหลายคนที่เคยประกาศตัวเองว่าเป็นผู้ที่เกลียดคริปโตเคอร์เรนซี่ ก่อนกลับตัวกลับใจหันมาลงทุนกับธุรกิจนี้ในภายหลัง

  1. Warren Buffet

นักลงทุนระดับตำนานเป็นผู้ก่อตั้งกองทุน Berkshire Hathaway ที่ทุกคนรู้จักกันดีนั้นครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกคริปโตเคอร์เรนซี่ว่า ยาเบื่อหนูยกกำลังสอง (rat poison squared), ทรัพย์สินที่ไม่มีมูลค่าที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังระบุว่าคริปโตเคอร์เรนซี่จะต้องพบกับจุดจบที่เลวร้าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดูเหมือนว่าในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ในเดือนนี้ บริษัทของเขาจะมีการเปิดเผยว่าได้ลงทุนเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในธุรกิจธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโต

อย่างไรก็ดี ตัวเขาและ Charlie Munger รองประธานกรรมการ Berkshire Hathaway ยังคงเรียก Bitcoin ว่าเป็นกามโรคและวิพากษ์วิจารณ์ถึงมันอยู่บ่อยครั้ง

  1. Jamie Dimon

CEO ของ J.P. Morgan Chase เป็นผู้ที่เคยทำราคา Bitcoin ร่วงลดลงกว่า 20% ภายหลังจากที่เขาเรียก Bitcoin เป็น Scam ผู้คนต่างตั้งคำถามถึงสาเหตุที่เขาเรียก Bitcoin ว่าหมายความตามที่พูดหรือไม่ และสาปแช่งเขาจากการแทรกแซงตลาด หลังจากที่มีข่าวหลุดว่านักธุรกิจจาก J.P. Morgan ได้ใช้บัญชีส่วนตัวในการช้อนซื้อ Bitcoin ในระหว่างที่ราคากำลังร่วง

ในปัจจุบัน นอกจากการที่บริษัทของเขาจะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการในการเข้าถึงกองทุนคริปโตแล้ว เขายังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CBS Boston ในปี 2021 ด้วยว่า เราจะปกป้องสิทธิของลูกค้าบริษัทที่เข้าร่วมในคริปโต แต่บริษัทของเขาจะไม่เข้าร่วมเองตราบใดที่ยังมองว่าคริปโตเคอร์เรนซี่ไม่มีมูลค่าที่แท้จริง

  1. Mark Cuban

มหาเศรษฐีนักลงทุนเจ้าของทีม NBA ชื่อ Dallas Mavericks ในช่วงแรกนั้นเขาเองก็ไม่ประทับใจในคริปโตเคอร์เรนซี่เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธกลไกการทำงานของคริปโตเคอร์เรนซี่ แต่มองว่ามันเป็นระบบกลไกที่มีความซับซ้อนเกินความจำเป็น และในอีเมล์ที่เขาเขียนถึงนิตยสาร Forbes เมื่อสองปีก่อน ยังระบุอีกว่า Bitcoin นั้น ยากเกินกว่าจะใช้งาน ง่ายต่อการแฮ็ก ง่ายต่อการสูญเสียดงินลงทุน ยากเกินกว่าจะเข้าใจ ยากเกินกว่าจะประเมินราคา ทั้งยังเสริมด้วยว่า เขาขอลงทุนในกล้วยจะดีกว่า เพราะเขายังสามารถที่จะกินกล้วยได้ ต่างจาก Bitcoin ที่ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม

อย่างไรก็ตาม ในการประชุม North American Bitcoin Comference ล่าสุด เขากล่าวยอมรับว่า เขาได้ถือครองคริปโตอยู่หลายสกุล และได้รับผลกำไรเป็นกอบเป็นกำจาก NFT ชิ้นแรกที่เขาลงทุนไปเมื่อปีก่อน และตอนนี้ เขาได้เรียกตัวเองว่าเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาคริปโตไปซะแล้ว

  1. Carl Icahn

Carl เป็นเศรษฐีด้านการเงินอีกคนที่เคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์ คริปโต โดยเขาเรียกคริปโตเคอร์เรนซี่ว่า เป็นสินทรัพย์ที่น่าขบขันในปี 2018 แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับว่าที่ตัวเองคิดแบบนี้เพราะไม่เข้าใจในคริปโตเคอร์เรนซี่อย่างแท้จริง

ในอีกสามปีต่อมา เขากล่าวยอมรับว่า การคิดว่าคริปโตเคอร์เรนซี่ไม่มีมูลค่าพื้นฐานนั้น เป็นเรื่องที่ผิดพลาดครั้งใหญ่สำหรับเขา และต่อมาเขาได้ตัดสินใจลงทุนเงินในคริปโตมูลค่าถึง 1.5 พันล้านดอลาร์ในเดือนพฤษภาคม 2021

  1. Howard Marks

นักลงทุนผู้มั่งคั่ง Howard เคยกล่าวไว้ในปี 2017 ว่า คริปโตนั้นเป็นความนิยมที่เลื่อนลอย ก่อนที่ต่อมาเขาจะกล่าวอีกครั้งว่า คำปรามาสของเขานั้นเป็นการตอบโต้โดยไม่ทันยั้งคิด โดยเขาเปิดเผยว่าเขาต้องขอบคุณลูกชายที่ถือ Bitcoin เอาไว้เพื่อเตือนสติตัวของเขา

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนวิจารณ์สกุลเงินดิจิทัลคือ ความคิดแบบเก่าและความกลัวในความไม่รู้ เช่นเดียวกับครั้งที่ผู้คนวิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook และ Instagram เมื่อครั้งที่เปิดตัวครั้งแรกในช่วง 2000

แต่การมาถึงของ Web3.0 เมต้าเวิร์ส และ NFT ที่เริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เหล่าเศรษฐีและนักวิจารณ์จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องเปลี่ยนทัศนคติของพวกเขาไปตามกาลเวลา

ที่มา: Yahoo