<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Tether อายัด USDT มูลค่า 31 ล้านบาท ที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมก่อการร้ายในยูเครนและอิสราเอล

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

เมื่อวันจันทร์ Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin USDT ได้ประกาศอายัดที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโต 32 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 873,118 ดอลลาร์ หรือประมาณ 31,798,588.50 บาท ซึ่งเชื่อกันว่าเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายและสงครามในยูเครนและอิสราเอล

การอายัดที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโตเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ คริปโต

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ออก Stablecoin กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากรัฐบาลและสถาบันการเงินเพื่อให้แน่ใจว่าคริปโตของพวกเขาจะไม่ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ผิดกฎหมายหรือเป็นอันตราย

การดำเนินการนี้ยังตอกย้ำถึงความจำเป็นในการตรวจสอบสถานะและติดตามธุรกรรมคริปโตอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากสามารถช่วยตรวจจับและป้องกันการใช้คริปโตในทางที่ผิดสำหรับกิจกรรมที่ไม่ดี

การบล็อกบัญชี USDT

เมื่อเร็ว ๆ นี้ตำรวจอิสราเอลเปิดเผยว่า พวกเขาได้ใช้มาตรการในการอายัดบัญชี cryptocurrency ที่ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเรี่ยไรเงินให้กับกลุ่มฮามาสผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ รวมถึงการนัดหยุดงานของกลุ่มก่อการร้าย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1,300 รายในอิสราเอล

มีรายงานว่า สำนักงานต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายแห่งอิสราเอล (Israel’s National Counter-Terrorism Financing Unit) กำลังทำงานร่วมกับ Tether ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลังเหรียญ stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกคริปโต

Paolo Ardoino  CEO ของ Tether เน้นย้ำว่า แพลตฟอร์มบล็อกเชนทำให้การติดตามธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลเป็นเรื่องง่าย ซึ่งช่วยให้ Tether ช่วยป้องกันการใช้ USDT ที่เกี่ยวข้องกับการระดมทุนเพื่อการก่อการร้าย

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าที่อยู่กระเป๋าเงินดิจิทัลนั้นเป็นนามแฝง ซึ่งหมายความว่าที่อยู่เหล่านั้นไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับบุคคล สิ่งนี้อาจทำให้การระบุบุคคลที่อยู่เบื้องหลังธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลเป็นเรื่องยาก

แต่สำหรับประเด็นนี้ Paolo Ardoino กล่าวแย้งว่าธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ติดตามและติดตามได้มากที่สุด เนื่องจากธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ในบล็อกเชน ซึ่งสามารถวิเคราะห์ได้โดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและสถาบันการเงินอื่นๆ

ที่มา : Bitcoinist