เมื่อวานนี้ (2 พฤศจิกายน) สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ได้ฟ้องร้องต่อศาลนิวเจอร์ซีย์ ในการขอยึดทรัพย์สินคริปโตเคอร์เรนซีจากกลุ่มเสพติดบน Darknet ซึ่งเป็น Ethereum กว่า 30,000 เหรียญ รวมมูลค่ากว่า 54 ล้านดอลลาร์ ที่ได้มาจากการระดมทุนในรอบ ICO เมื่อปี 2014
โดยคริปโตดังกล่าวเป็นของ Christopher Castelluzzo ที่พึ่งถูกตัดสินให้จำคุยเป็นเวลา 20 ปี ในข้อหาค้ายาเสพติด รวมถึงการแปลงรายได้จาก Bitcoin ของเขา ไปเป็น ETH และ Ether Classic อย่างละ 30,000 เหรียญ อ้างอิงจากรายงานของสำนักงานอัยการสหรัฐฯ
อัยการสหรัฐฯ Philip R. Seller ก็ได้ออกมากล่าวถึงการขอยึดทรัพย์สินในครั้งนี้ว่า
“การดำเนินการทางแพ่งที่เรากำลังดำเนินการในวันนี้ คือพยายามที่จะกู้คืนสกุลเงินดิจิทัลหลายล้านดอลลาร์ ซึ่งจำเลยถูกกล่าวหาว่าได้รับจากการขายยา”
“ไม่ว่าจะง่ายเหมือนถุงเงินสดหรือซับซ้อนเหมือนสกุลเงินดิจิทัล เราจะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อยึดผลประโยชน์ทางการเงินที่จำเลยจำเป็นต้องได้รับจากกิจกรรมทางอาญา”
นอกจากนี้ James E. Dennehy เจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI Newark ยังได้กล่าวเสริมว่า
“อาชญากรจำนวนมากใช้สกุลเงินดิจิตอลบน Darknet เพื่อหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมจากสายตาของผู้บังคับใช้กฎหมาย”
“และการยึดเงินจำนวน 54 ล้านดอลลาร์ในครั้งนี้ จะเป็นบทเรียนสำคัญให้กับผู้ที่เข้าใจผิดว่าเราไม่สามารถติดตามพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายหรือรายได้ของพวกเขาได้ เพราะเราจะนำอาชญากรทั้งหมดมารับผิดชอบอย่างเปิดเผย และพร้อมที่จะลงโทษในโลกแห่งความเป็นจริง”
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเขาจะถูกกล่าวหาว่ามีความพยายามในการหลบเลี่ยงภาษีและย้ายทรัพย์สินของเขาไปต่างประเทศขณะถูกคุมขัง แต่ทางการสหรัฐฯ ก็ได้ทราบข่าวและสามารถสกัดกั้นการฟอกเงินในครั้งนี้ไว้ได้ทัน
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นผลมาจากความพยายามร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น FBI หน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigations) และ การบังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่น
ที่มา: The Block