<?php wp_title('|', true, 'right'); ?>

Ripple โดนปรับหนัก! SEC เตรียมเรียกค่าปรับ Ripple (XRP) มูลค่ากว่า 7.2 หมื่นล้านบาท 

ติดตามสยามบล็อกเชนบนSiam Blockchain

ตามรายงานล่าสุด ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่แน่ชัด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เตรียมเรียกค่าปรับ 2 พันล้านดอลลาร์จาก Ripple Labs ผู้พัฒนาเหรียญ XRP

Stuart Alderoty หัวหน้าฝ่ายกฎหมายของ Ripple ได้ประกาศเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้:

“ ตามที่คุณจะเห็นในเอกสารสรุปคดีของ SEC ซึ่งจะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะในวันพรุ่งนี้  พวกเขากำลังขอให้ผู้พิพากษากำหนดค่าปรับและบทลงโทษเป็นเงิน 2 พันล้านดอลลาร์ แก่ Ripple Labs

เราจะยื่นคำตอบต่อศาลในเดือนหน้า แต่เหมือนอย่างที่เราเห็นกันบ่อยครั้ง หน่วยงานกำกับดูแล (SEC) มักดำเนินการโดยอาศัยข้อความเท็จ คลุมเครือ และมุ่งหวังที่จะทำให้เข้าใจผิด ซึ่งในกรณีนี้ก็เป็นเช่นนั้นเช่นกัน

แทนที่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างซื่อตรง SEC กลับยังคงพยายามลงโทษและข่มขู่ Ripple รวมถึงอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีโดยทั่วไป เราเชื่อว่า ศาลจะดำเนินการในขั้นตอนการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม”

อย่างไรก็ตาม Brad Garlinghouse  CEO ของ Ripple ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนี้:

“สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ภายใต้การนำของ Gensler  ได้ดำเนินการนอกเหนือกฎหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยถูกผู้พิพากษาตักเตือนในกรณี “การใช้อำนาจที่รัฐสภามอบหมายให้เกินขอบอย่างร้ายแรง” (คดี DEBT Box) และ “การดำเนินการโดยไม่ยึดมั่นในกฎหมายอย่างซื่อสัตย์” (คดี Ripple) นอกจากนี้ เราไม่ควรลืมความเฉยเมยของ Gensler ต่อกลโกงของ FTX

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) มีแผนการที่จะเรียกค่าปรับ 2 พันล้านดอลลาร์จาก Ripple Labs ในคดีที่ไม่มีข้อกล่าวหา (หรือแม้แต่ผลการพิจารณา) เรื่องการฉ้อโกงหรือความประมาท ซึ่งถือเป็นกรณีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน  “เราจะเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับ SEC ต่อไป เมื่อเราตอบโต้ข้อกล่าวหานี้”

Chris Larsen ผู้ร่วมก่อตั้ง Ripple Labs แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังนี้:

“สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ภายใต้การบริหารของ Gensler สูญเสียความสมดุล การที่ SEC องค์กรเดียววางตนเหนือกฎหมาย และฉุดรั้งสหรัฐอเมริกาให้ล้าหลังประเทศสมาชิก G20 อื่น ๆ ย่อมเป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้าม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่มีการเลือกตั้ง”

ที่มา : Bitcoin Sistemi